มหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องใหญ่ กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ได้บำเพ็ญบารมีอย่างสูงสุด ยากเกินกว่าจะมีผู้ใดทำได้คือให้บุตรและภรรยาแก่ผู้ที่มาขอ นอกจากนั้นยังบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่อื่นๆ ครบถ้วนทั้ง ๑๐ ประการ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “มหาชาติ” และการเทศน์เรื่องพระ-เวสสันดรก็เรียกว่าเทศน์มหาชาติ
มหาเวสสันดรชาดก เป็นเรื่องสูงส่ง แสดงให้เห็นถึงการเสียสละประโยชน์สุขส่วนตนของพระเวสสันดร เพื่อเป็นทางนำไปสู่พระโพธิญาณ เมื่อได้บรรลุพระโพธิญาณแล้วก็มิได้รับประโยชน์เฉพาะตน แต่ได้นำมาสั่งสอนเพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลกด้วย
มหาเวสสันดรชาดก เป็นเรื่องที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแต่ไม่มีหลักฐานเหลือมา หนังสือเวสสันดรชาดกเพิ่งมามีลายลักษณ์อักษรแน่นอนเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งขึ้นเมื่อ ปีขาล จุลศักราช ๔๔ คือ พ.ศ. ๒๐๒๕ เรียกชื่อว่า “มหาชาติ” เป็นคำคละกันมีทั้ง โคลง ฉันท์ กาพย์และร่าย มีวัตถุประสงค์แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการสวดในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันเข้าพรรษา ต่อมา ในรัชกาลสมเด็จ-พระเจ้าทรงธรรม โปรดให้รจนามหาเวสสันดรชาดกขึ้นอีกเมื่อจุลศักราช ๙๖๔ คือ พ.ศ.๒๑๔๕ เรียกชื่อว่า “กาพย์มหาชาติ” เป็นคำประพันธ์ชนิดร่ายยาว วัตถุประสงค์แต่งขึ้นเพื่อใช้สำหรับเทศน์
หนังสือกาพย์มหาชาติไม่สามารถเทศน์ให้จบวันเดียวได้ จึงมีผู้แต่งกัณฑ์ต่างๆ ขึ้นใหม่ เพื่อย่นย่อให้สั้นเข้าและเทศน์จบภายในวันเดียวปรากฏว่ามีผู้แต่งมากมายหลายสำนวน คำประพันธ์ที่ใช้ก็ใช้ร่ายยาวเป็นพื้นแต่เรียกชื่อกันใหม่ว่า “ มหาชาติกลอนเทศน์”
มหาชาติกลอนเทศน์นี่เองที่รวมกันเข้าเป็น “ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก” คือท่านนักปราชญ์เลือกเฟ้นเอากลอนเทศน์ที่สำนวนดีมารวมกันเข้า งานนี้เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๔๙ และสำเร็จเรียบง่ายบริบูรณ์เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๒ ในรัชกาลที่ ๕ และใช้เป็นแบบเรียนสืบเนื่องกันมาจนกระทั่งปัจจุบัน